มัมสกรีมมีเรื่องราวที่จุดประกายเวอร์ชั่นไฟลุกพรึบของคุณพ่อ และคุณแม่สองท่านนี้ ด็อคเตอร์ต่อยศ ปาลเดชพงศ์ และทันตแพทย์หญิง อสมา ปาลเดชพงศ์ คุณพ่อคุณแม่ของน้องอิ๊ก น้องอัญ และน้องอิม สามพี่น้องวัย 10 ขวบ และน้องแฝดทั้งสองวัย 8 ขวบ อยากรู้ที่สุดคือเมื่อคุณพ่อเป็นเจ้าของโรงเรียนอินเตอร์ Denla British School และคุณแม่เป็นทันตแพทย์หญิง จะมีวิธีสอนลูกๆ ยังไง ให้เป็นเด็กที่จะต้องโตมาใช้ชีวิตบนโลกนี้แบบที่เข้ากับการหมุนไปของโลก และตัวเขาก็มีความสุขด้วย สองชั่วโมงเต็มที่คุยกับด็อคเตอร์และคุณหมอ เปิดโลกเราอย่างหนัก ขอรวบตึงเป็น 10 แง่คิดสำหรับดูแลลูกในมุมของคุณพ่อที่น่าสนใจมากๆ คุณพ่อเป็นเหมือนปีกโอบลูก แต่คนที่จะฝึกฝนใกล้ชิดคือคุณแม่ เมื่อมารวมกันแล้ว เลยเป็นแง่คิดที่เราฟังแล้วมีไฟ อยากรีบกลับไปมองตาลูกตัวเอง แล้วเอาวิสดอมจากด็อคเตอร์มาใช้เดี๋ยวนั้น แม่ๆ ลองอ่านดูนะคะ
1 ผมสวดมนตร์ตั้งแต่รู้ว่ามีลูก
ด็อคเตอร์และคุณหมอเริ่มดูแลลูกๆ ตั้งแต่ตอนคุณหมอตั้งท้อง ความตั้งใจแรกของด็อคเตอร์คือ “ผมอยากให้เขาเป็นคนดี” ทั้งด็อคเตอร์และคุณหมอก็เลยสวดมนตร์ให้ลูกๆ ด้วยกันทุกวันๆ ส่งความสงบ ส่งสมาธิของพ่อและแม่ไปที่จิตเขาตั้งแต่แรกๆ
2 อยากให้เวลาเขาเยอะๆ อุ้มเขาได้ก็จะอุ้ม
แล้วพอน้องๆ เกิดมา เรื่องต่อมาที่ด็อคเตอร์เน้นก็คือเวลา “ผมอยากให้เวลาเขาเยอะๆ สมัยก่อนมีคนเคยบอกว่า อย่าอุ้มลูกเยอะนะ เดี๋ยวเขาจะติดมือ แต่ผมจะคิดต่างว่าติดแล้วไม่เป็นไรนี่นา ผมอยากใช้เวลาอยู่ใกล้ๆ เขาให้มากที่สุดมากกว่า” ด็อคเตอร์และคุณหมอไม่ฝืนธรรมชาติความรักของคนเป็นพ่อเป็นแม่ เวลาเลยกลายเป็นสิ่งที่ด็อคเตอร์คิดว่ามีค่าที่สุดที่จะให้ลูกๆ และไม่ว่าจะไปทำอะไรที่ไหน ด็อคเตอร์ก็มักเลือกที่จะเดินทางไปใกล้ๆ บ้าน “ผมบอกแฟนเลยว่าจะทำอะไร ขอใกล้ๆ บ้านนะ ต่อให้ที่ไกลๆ มีเรียนอะไรดียังไง ผมว่ามันไม่จำเป็น เดินทางไปกลับ ไม่คุ้มกับเวลาที่เราเสียไป ไอเดียของผมคือเอาที่สบายๆ ดีกว่า”
3 ลูกๆ ต้องนอนให้พอทุกวัน วันละ 9-11 ชั่วโมง
เรื่องเวลาที่ด็อคเตอร์ใส่ใจแล้ว อีกเรื่องหนึ่งก็คือวินัย อันนี้ด็อคเตอร์บอกว่าขอยกให้คุณแม่ไปเลย “จะเน้นเรื่องพักผ่อนให้เพียงพอ ถ้าเด็กนอนวันละ 9- 11ชั่วโมงได้ เขาจะแข็งแรง ไม่ค่อยป่วย ก็เลยให้เขานอนไม่เกินสองทุ่มทุกวัน แล้วตื่นหกโมงเช้า วันเสาร์อาทิตย์ก็จะเป็นแบบนี้เหมือนกัน ก็เลยจะไม่ชอบพาเขาไปเที่ยวกลับมาดึกๆ” ตรงนี้คุณหมอหันมาบอกว่า “คุณพ่อจะปลุกทุกเช้า วันหยุดยังไงก็จะตื่นเช้ากันค่ะ”
4 ความสม่ำเสมอสำคัญมาก ต้องฝึกเขาก่อน 10 ขวบ
วินัยอีกเรื่องที่คุณหมอเน้นว่าสำคัญเลยคือ ความสม่ำเสมอ และต้องฝึกเขาให้ได้ก่อน 10 ขวบจะดีมาก เพราะเด็กพอเลยสิบขวบ จะเริ่มไม่ฟังอะไรพ่อแม่แล้ว ลูกๆ ของคุณหมอสองคนจะเรียนว่ายน้ำ และลูกๆ เป็นคนขออยากเรียนเอง คุณหมอบอกว่าเรียนได้ แต่ต้องสม่ำเสมอนะ วันไหนต้องว่าย ก็ต้องว่ายนะ ขนาดว่าอากาศเย็นๆ คุณหมอก็ยังคงให้ลูกไปว่ายน้ำ คุณหมอบอกว่า “เด็กที่เล่นกีฬาเป็นประจำ อากาศเย็นขึ้นมาหน่อย หรือฝนตำพรำๆ นิด ก็จะไม่กระทบกระเทือนอะไร เขาจะไม่ป่วยกันเลย” ด็อคเตอร์หันมาเสริมว่า “ผมไม่ได้อยากให้ลูกว่ายน้ำเพื่อได้เหรียญ แต่ตั้งใจว่าจะทำแล้ว ก็อยากให้เขาทำตามที่ตั้งใจไว้ ผลจากที่เขาเป็นอย่างนี้ เขาจะเป็นคนโฟกัส สม่ำเสมอ แต่เขาจะเป็นคนเลือกเองนะ ถ้าเขามางอแงมาก ก็จะถามว่าถ้าอย่างนั้นเลิกไหม เขาก็ไม่เลิกแล้วขอลุยต่อไปเอง”
5 ว่ายน้ำ เลข ภาษา ถือเป็นเบสิคในชีวิตลูก ที่ต้องให้เป็น!
เรื่องว่ายน้ำนี่ด็อคเตอร์ขอเน้นอีกนิดเลยว่า “ถือเป็นเรื่องเบสิคที่ผมว่าเด็กไทยควรฝึกให้เป็นให้ได้ เพราะเมืองเรามีอะไรติดกับน้ำเยอะ ผมถือว่าเป็นสิ่งที่ต้องฝึกให้เขาติดตัวเพื่อชีวิตเขาไปเลย” ถามด็อคเตอร์ต่อเลยว่า แล้วนอกจากว่ายน้ำ มีอะไรที่ควรฝึกลูกตั้งแต่เด็กอีกมั้ย? ด็อคเตอร์บอกเลยว่า “ผมขอเลข กับภาษาครับ อย่างอื่นไม่เป็นไรเลย เพราะเลขกับภาษาเป็นความรู้พื้นฐาน ไปใช้ในชีวิตจริงได้”
6 อยากรู้ว่าลูกชอบอะไร ต้องให้เขาลอง!
เรื่องนี้ด็อคเตอร์บอกไม่มีทางลัด ถ้าพ่อแม่อยากรู้ว่าลูกมีพรสวรรค์อะไร ต้องให้เขาลองไปเรื่อยๆ “เรื่องนี้ผมเคยถามโปรเฟสเซอร์ตอนทำวิทยานิพนธ์ที่เมืองนอก ว่าชีวิตมีทางลัดมั้ย โปรเฟสเซอร์บอกว่าไม่มี ต้องลองเท่านั้น ลองทำอะไรก็ได้ไปสัก 6 เดือน ถ้าใช่ เราจะทำสิ่งนั้นต่อไปเรื่อยๆ เอง เพราะพอเราชอบ เราก็จะอยากทำ จะล้มยังไง เราก็จะสู้ต่อ ถ้าไม่ชอบก็หาทางใหม่ แล้วลองใหม่จนเจอนั่นเอง” ด็อคเตอร์เลยให้ลูกๆ ได้ลองเรียนหลายๆ อย่าง “ลูกผมพอย้ายมาเรียนที่เด่นหล้า บริติช สคูล มีกีฬาให้เขาลองหลายอย่าง เขาก็ลองไป มีเทนนิส บาสเก็ตบอล รักบี้ สุดท้ายเขาก็ชอบรักบี้ที่สุด”
7 ผมเชื่อเรื่องทำวันนี้ให้ดีกับลูกๆ มากกว่าวางแต่แผนอนาคต
พอเราถามด็อคเตอร์ถึงคำถามคาใจแม่ๆ อย่างเรากันมากว่า เราควรเก็บเงินๆๆๆๆ เพื่อให้ลูกเรียนดีๆ ในวันหน้า แล้วทำงานเยอะๆ ในวันนี้ไหม? ด็อคเตอร์บอกว่า “ผมว่าเอาเป็นว่า บ่ายนี้เราทำอะไรกับลูกดีกว่าครับ ยังไม่ต้องคิดไกลขนาดนั้น เอาตอนนี้ก่อนเลยว่าลูกเราแฮปปี้ดีหรือยัง เรามีเวลาที่มีคุณภาพกับเขาหรือยัง? ถ้าเขากำลังจะแข่งวิ่งผลัด แล้วแม่ไม่ได้มาดู เขาจะเสียใจไหม?”
8 ลูกๆ จะสวัสดีพ่อแม่ทุกเช้าและเย็น
อีกสิ่งที่ด็อคเตอร์ทำกับคุณพ่อคุณแม่ตั้งแต่เด็ก ด็อคเตอร์ก็ได้มาฝึกให้ลูกๆ ทำต่อในวันนี้แล้ว “ผมจะให้ลูกๆ สวัสดีผู้ใหญ่ในบ้านเช้าและเย็นทุกวัน เขาต้องเห็นความสำคัญกับการมีอยู่ของคนอื่นด้วย ตัวผมเองก็ตั้งใจไว้เลยว่าจะกอด และหอมแก้มเขาให้ครบสามคนทุกวัน”
9 ผมเชื่อเรื่องครอบครัว ครอบครัวคือสมบัติของเราตลอดชีวิต
เรื่องนี้คุณพ่อของด็อคเตอร์เคยพูดประโยคนี้กับด็อคเตอร์ว่า “ให้รู้ไว้เสมอว่า พี่น้องคือของขวัญที่พ่อแม่มอบให้” เมื่อคิดและรู้ไปเรื่อยๆ ไม่ว่ายังไง ก็จะไม่มีการแตกหักกันกับพี่น้องแน่นอน ด็อคเตอร์บอกว่า “คุณพ่อสอนผมเลยว่า น้องเอาเปรียบพี่ได้ แต่พี่เอาเปรียบน้องไม่ได้เด็ดขาด” เมื่อเป็นเช่นนี้ น้องก็จะเคารพและรักพี่ กลายเป็นพี่น้องที่เกื้อกูลกัน ด็อคเตอร์บอกว่า “ผมเชื่อเรื่องครอบครัวที่สุด สำคัญมากสำหรับชีวิตที่จะมีความสุขไปได้แบบแทงยาว” ลูกๆ ของด็อคเตอร์ถ้ามีอะไรทะเลาะกัน ด็อคเตอร์บอกว่าเป็นเรื่องใหญ่เลย จะมีอบรมทีละคนไปเลยด้วย เรื่องนี้ด็อคเตอร์บอกอีกว่า “คุณพ่อผมเชื่อว่าถ้าลูกหลานกตัญญู รักใคร่กลมเกลียว เขาก็จะไม่กล้าทำอะไรไม่ดี เพราะกลัวครอบครัวจะเสียชื่อ และเสียใจ”
10 เด็กๆ เหมือนต้นไม้ เค้าจะโตใหญ่อย่างเดียวไม่ได้ รากต้องลึกด้วย
ถือเป็นปรัชญาที่ด็อคเตอร์ใช้บริหารโรงเรียนเด่นหล้า บริติช สคูลเลย เพื่อให้เป็นโรงเรียนอินเตอร์ที่เน้นรากที่ลึกของความเป็นไทยด้วย “ถ้าเราอยากให้ลูกเราสูงโตมากเท่าไหร่ เราก็ต้องมีรากที่ลึกให้เขามากเท่านั้น” คือหัวใจสำคัญที่ด็อคเตอร์ให้เป็นแก่นของทั้งครอบครัวตัวเอง และโรงเรียน ด็อคเตอร์เลยเน้นวัฒนธรรมของความเป็นไทยให้เด็กๆ ทุกคนต้องมี และต้องเข้าใจ
ความรักของพ่อและแม่ กล่อมเกลามาเป็นหัวใจ วินัย ความสุขของลุกๆ และครอบครัว เพื่อต่อยอดไปสู่สังคม และสู่โลกต่อไป มัมสกรีมขอขอบพระคุณแง่มุมดีๆ ให้พวกเรามีแรงอยากเลี้ยงลูกขึ้นของด็อคเตอร์ และคุณหมออีกครั้งนะคะ
Copyright www.momscream.com
Facebook: Momscream