ทะแด๊นนนนนน ดีใจมากได้เจอกับคุณแม่ดาว และน้องตริน น้องดาวเป็นคุณแม่หัวใจนักเดินทาง และชอบไปไหนมาไหนด้วยกันสามคนพ่อแม่ลูก พาลูกไปเที่ยวแต่ละที่ น่ารัก ชิลล์ เรียบง่าย จนมัมสกรีมขอติดต่อเธอ เขียนให้เราอินสไปร์แม่ๆ หน่อยเถอะ อ่านแล้วแบบ…อยากไปลำปางเดี๋ยวนี้เลย!!!!!
จริงๆทริปนี้เกิดขึ้นเพราะตรินๆชอบเล่นรถไฟแล้วก็ชอบหนังสือนิทานเกี่ยวกับรถไฟ แต่ยังไม่เคยนั่งรถไฟของจริงซักที ปีใหม่ที่ผ่านมาเราจะขึ้นเชียงใหม่กัน เราเลยหาเรื่องแทรกทริปรถไฟระยะทางสั้นๆจากเชียงใหม่ กูเกิ้ลเจอว่าเส้นทางเชียงใหม่-ลำปางมีอุโมงค์ขุนตาน เป็นอุโมงค์รถไฟเก่าแก่อายุกว่าร้อยปีที่ยาวที่สุดในประเทศเป็นไฮไลท์ของเส้นทาง แถมลำปางก็มีรถม้า มีศูนย์อนุรักษ์ช้าง ว้าวๆๆ ตรินๆต้องตื่นเต้นมากแน่ๆ
วันเดินทาง
ในที่สุด เวลาที่เรารอคอยก็มาถึง เราขนกระเป๋ามารอขึ้นรถไฟที่มาจอดก่อนเวลาออกประมาณครึ่งชั่วโมง พอถึงเวลา 15:30 เป๊ง.. รถไฟก็ค่อยๆเคลื่อนตัวออกจากสถานีเชียงใหม่ ตรินๆกำลังนั่งเล่นอยู่เพลินๆถึงกับเด้งขึ้นมายืนมองไปรอบๆ “โอ๊ะ รถไฟออก!” แววตาและสีหน้าเด็กน้อยที่กำลังตื่นเต้นกับการอยู่บนรถไฟของจริงที่วิ่งอยู่ มันช่างล้ำค่า ^^ เราพยายามชี้ให้ดูไม้กั้นรถ ดูสถานี ดูคน ดูต้นไม้ ดูบ้าน ดูวัว ตรินๆดูจะเพลินกับลมเย็นสบายและวิวที่ไหลเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ซักพักเด็กก็ถูกจังหวะอันคงที่ของรถไฟไหลลงไปนอนหนุนตักแม่ กว่าจะถึงอุโมงค์ขุนตาน เหลือแต่พ่อแม่นั่งตื่นเต้นกันอยู่สองคน เด็กหลับไปตั้งแต่ยังไม่ถึงลำพูน โธ่เอ๋ย ขากลับรถไฟดีเลย์อีก กว่าจะออกก็มืดตื๋อมองไม่เห็นอะไรเลย 555 จบกัน ไว้ไปดูอุโมงค์อื่นละกันนะตรินๆ
สิ่งที่เพิ่งรู้จากการพยายามจองตั๋วรถไฟล่วงหน้า
- สถานีที่จังหวัดลำปางชื่อ’นครลำปาง’ หา’ลำปาง’อยู่ตั้งนานหาไม่เจอ
- ลำดับชื่อสถานีในเว็บสำหรับจองตั๋ว www.thairailwayticket.com ไล่ตามเส้นทางจากต้นสาย-ปลายสาย ลำดับชื่อสถานีในเว็บการรถไฟ www.railway.co.th ไล่ตามตัวอักษร มึนมะล่ะ!
- การจองตั๋วออนไลน์หรือจองผ่านโทรศัพท์ ตั๋วต้องมีมูลค่า 150 บาทขึ้นไป ตั๋วระยะใกล้ๆอย่างเราเลยต้องไปลุ้นซื้อเอาในวันเดินทาง ที่แปลกใจคือขากลับไปซื้อตอนสายๆ เจ้าหน้าที่บอกให้มาสี่โมงเย็น ตอนนี้ไม่ขาย (รถไฟออกห้าโมงครึ่ง) สรุปกลับไปซื้อตอนสี่โมงครึ่ง เหลือตั๋วสองที่สุดท้าย!! เฮ่ยย ลุ้นไปไหม
ศูนย์อนุรักษ์ช้าง
จากตัวเมืองลำปางเราเช่ารถขับไปที่ศูนย์อนุรักษ์ช้าง ใช้เวลาประมาณครึ่งชม. พอมาถึงเราจะต้องไปจอดรถซื้อตั๋วที่อาคารใหญ่ก่อน แล้วจะมีรถรางพาเราเข้าไปที่ลานการแสดงอีกที
ก่อนการแสดง ควาญช้างจะพาช้างลงอาบน้ำในบึงก่อน ช้าง 15 เชือกผลัดกันมุดน้ำพ่นน้ำกันสนุกเลย พอถึงเวลาก็พากันเดินจูงหางเดินไปที่ลานการแสดง โดยมีช้างคู่ที่นำหน้าถือกลองแล้วตีกลองนำขบวน! ส่วนการแสดงจะมีช้างแสดงความสามารถต่างๆที่น่าทึ่งมากมาย ตั้งแต่ลากซุง หยิบของต่างๆด้วยงวง และวาดภาพด้วยพู่กัน ตอนจบเราซื้อผลไม้และอ้อยที่เจ้าหน้าที่เตรียมไว้มาป้อนช้าง ตรินๆดูยังกล้าๆกลัวๆอยู่ กำอ้อยไว้แน่นแต่ยื่นให้ไม่ถึงปลายงวงช้าง แม่กลัวช้างโมโหหิวเลยต้องช่วยดันช่วยยื่นไปให้ถึง
เสร็จจากดูการแสดง เราพาตรินๆไปลองนั่งช้างกัน มีให้เลือก 10 นาที, 30 นาที และ 1 ชั่วโมง เราเลือก 10 นาทีเผื่อตรินๆไม่ชอบ ปรากฏว่าตรินๆเพลินมากจนทำท่าจะหลับ ส่วนพ่อแม่นั่งเกร็งจิกนิ้วเพราะหลังช้างมันสูงตั้งสามเมตร เดินๆพื้นราบยังไม่เท่าไหร่ ตอนพี่ช้างเดินลงน้ำนี่ โอ้ยยย ตัวจะไหลลงจากเบาะให้ได้ (ส่วนตรินๆถูกสะโพกใหญ่ๆของพ่อกะแม่หนีบอยู่ตรงกลาง) ตื่นเต้นกันพอสมควรแล้วพี่ช้างก็เดินพาพวกเรามาส่งที่หอคอยพอดี พอเราก้าวลงจากหลังช้าง พี่ช้างเอางวงขึ้นมาเหมือนอยากรู้อยากเห็นว่าใครเนี่ยมานั่งหลังชั้น แถมมองพวกเราด้วย น่ารักมากๆ เราเลยจับไม้จับมือ(งวง)ทักทายพี่ช้างกัน ส่วนตรินๆก็ได้ลองจับขนแข็งๆกับผิวแข็งๆของพี่ช้างด้วย
ก่อนกลับเรามาพักกินข้าวกลางวันกันที่ร้านอาหารในศูนย์ฯ มีโต๊ะเตี้ยวางบนเสื่อที่ปูใต้ร่มไม้ใหญ่กลางสนามหญ้า บรรยากาศดีมาก 🙂 ตรินๆขอซื้อพวงกุญแจช้าง กับโปสการ์ดรูปช้างกลับไปอย่างละ 1 ชิ้น “ช้างเพื่อนตินๆ” ตรินๆบอก ^^ เราออกเดินทางจากศูนย์ฯตอนบ่ายๆ เด็กสลบไปในรถพร้อมพวงกุญแจช้างในมือ แถมพอกลับไปตื่นที่โรงแรมก็ถามหาช้างทันที คุ้มมากกับประสบการณ์ครึ่งวัน ที่ทำให้เด็กน้อยรักช้างและเพ้อถึงช้างไปอีกนาน
- การแสดงของช้างมี 3 รอบต่อวัน 10:00, 11:00, 13:30 แนะนำให้มาให้ดูช้างอาบน้ำก่อนแล้วต่อด้วยการแสดงช้าง การอาบน้ำช้างจะมีแค่สองรอบคือ 9:45 กับ 13:15 เสร็จแล้วช้างจะถือหางเดินขบวนเข้าสู่ลานการแสดง เราก็เดินตามช้างไปนั่งดูการแสดงช้างต่อได้เลย
- ค่าเข้าชม เด็ก 50 บาท ผู้ใหญ่ 100 บาท
- ค่าบริการนั่งช้างชมธรรมชาติ (นั่งได้ 2 คน) : 10 นาที 100 บาท, 30 นาที 500 บาท
เด็ก (สูงน้อยกว่า 135 cm.) 10 นาที 30 บาท - เช็ครายละเอียดเพิ่มเติมที่ http://www.thailandelephant.org/
มัมสกรีมขอขอบคุณคุณแม่ดาวและครอบครัวสำหรับข้อมูลทริปครั้งนี้ด้วยค่ะ
Like us facebook.com/Momscream
Copyright www.momscream.com
