Mom's Life

2 คุณแม่ลาออกจากงานมาสร้างแบรนด์ออร์แกนิคแท้ด้วยวิชาที่สะสมมาทั้งชีวิต!!



ความทุกข์ของคุณแม่ทำงานอย่างหนึ่งคือลึกๆ แล้วเราอยากมีเวลาได้ดูแลลูกแบบเต็มที่ แต่ก็ค้านกับภาระหน้าที่ ค่าใช้จ่ายต่างๆ คงจะดีถ้ามีธุรกิจเล็กๆ ของตัวเองแถมยังได้เลี้ยงลูกเองไปด้วย นี่คงเป็นฝันของคุณแม่เวิร์คกิ้งมัมสุดยุ่งหลายๆ คน เหมือนอย่างคุณแม่ 2 ท่านนี้ที่ Momscream ได้เจอมา ทั้งคู่ก็เคยเป็นสาวทำงานในบริษัทอันดับท็อปต้นๆ ของประเทศอย่างยูนิลีเวอร์ โดยที่คุณแม่ปุ๋มเป็นนักพัฒนาผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับ Personal Care ส่วนคุณแม่พิงค์ทำงานด้านมาร์เก็ตติ้งของผลิตภัณฑ์สกินแคร์ วันนี้เธอตัดสินใจที่จะออกมาดูแลลูกและใช้ประสบการณ์ในการทำงานมานานสร้างแบรนด์ออร์แกนิคที่เราคิดว่าตอบโจทย์คนเป็นแม่อย่างเรามาก

 

วรุณสิริ ผดุงกล (ปุ๋ม) 43 ปี กับน้องฟิ้นช์

 

รุจิกาญจน์ สหวัฒน์วงศ์ (พิงค์) 39 ปี กับน้องพีท

 

สองสาวทำงานองค์กรใหญ่ยักษ์

คุณแม่ปุ๋มและคุณแม่พิงค์เล่าว่ารู้จักกันมาตั้งแต่ตอนทำยูนิลีเวอร์ พี่ปุ๋มเป็นนักพัฒนาผลิตภัณฑ์พวกยาสระผม สกินแคร์บำรุงผิว ส่วนพี่พิงค์เป็นมาร์เก็ตติ้งด้านสกินแคร์ พี่ปุ๋มเริ่มเล่าให้ฟังว่า “มีลูกปั๊บ ชีวิตก็เปลี่ยนเลย ตั้งแต่ตอนท้องก็ทำงานไปเรื่อยๆ ไม่ได้คิดอะไร พอคลอดแล้วก็ยุ่งเลย เริ่มคิดว่าเราทำงานหนักๆ อย่างนี้ไหวมั้ย ด้วยความรู้ที่เราอ่านสูตรพวกส่วนผสมในการซื้อของใช้ลูก เรารู้ว่าสารตัวนั้นไม่ดี แต่พวกผลิตภัณฑ์ออร์แกนิคเมื่อ 8 ปีที่แล้วยังไม่มา ถึงจะมีไม่เยอะ แต่เราก็หามาให้ลูกใช้ แต่ปัญหาก็คือบางอันเหมือนจะดี แต่ก็รู้สึกว่าเขาไม่บอกส่วนผสมทุกตัวที่ใช้จริงๆ พี่ปุ๋มจบวิทยาศาสตร์มาเรียนสูตรต่างๆ มาโดยตรง ระหว่างที่ยุ่งกับการเลี้ยงลูกและหาของใช้ให้ลูกด้วยก็รู้สึกว่าหลายๆ อย่างมีสารเคมี เวลาลูกอาบน้ำก็ตีฟองเล่น เข้าปากไปบ้าง เราก็นอยด์ อย่างสารที่ทำให้เกิดฟองถึงยังไม่มีงานวิจัยออกมาว่าอันตรายจริงๆ แต่ด้วยความที่ฟองเยอะ ราคาถูก ใครๆ ก็ต้องใช้ มีคุณสมบัติทำความสะอาดได้ดี แต่ทีนี้สารพวกนี้ก็เอาไขมันบนผิวเด็กออกไปด้วย ผิวเซนซิทีฟก็จะแห้งเลยทำให้รู้สึกไม่สบายใจ”

 

 

พี่ปุ๋มบอกว่าเธอตัดสินใจเปลี่ยนงาน เพราะมีเพื่อนชวนไปทำอีกที่ คาดหวังว่าน่าจะมีเวลามากขึ้น แต่สุดท้ายก็ยังอยากเลือกที่จะอยู่กับลูกให้เต็มเวลามากกว่านี้เลยทำให้ลาออกมาทำอะไรเกี่ยวกับของเด็ก พี่พิงค์เล่าเสริมว่า “พิงค์เป็นมาร์เก็ตติ้ง ส่วนพี่ปุ๋มจะเป็นฝั่งเทคนิคัล เราได้คุยกันว่าลูกเป็นยังไงบ้าง ตอนนั้นพิงค์ยังไม่มีลูก มีแค่หลานก็เห็นน้องสาวหาซื้อผลิตภัณฑ์ เริ่มเข้าใจความเป็นแม่ทั้งที่ยังไม่มีลูกเอง น้องสาวพิงค์เป็นหมอผิวหนังก็จะมีความรู้ว่าอันนั้นดีไม่ดี เราก็ดูว่าสินค้าออร์แกนิคของต่างประเทศมีราคาสูงและเป็นกลุ่มเล็กมากๆ ตรงกับพี่ปุ๋มอยากทำอะไรของตัวเอง เราทั้งสองคนก็มีประสบการณ์ด้านสกินแคร์เลยคิดว่ามาลองทำดูดีกว่า เราใช้เวลาในการพัฒนาลองผิดลองถูก ยอมรับเลยว่าใช้เวลาเดเวลอปอยู่นานมาก เรามีแต่ความรู้ไม่มีเครื่องจักรก็เปลี่ยนเจ้าคนผลิตไปเรื่อยๆ เสียตังค์ไปหลายรอบมากจนเกิดมาเป็นแบรนด์ Litoru ที่ได้มาเริ่มขายจริงๆ เมื่อประมาณ 2 ปีที่แล้ว”

 

เราถามว่าทำไมถึงใช้ชื่อว่า “ลิโทรุ” พี่พิงค์อธิบายว่าอยากได้ความเป็นญี่ปุ่น เลยเอาคำว่า little หรือเจ้าตัวน้อยมาออกเสียงในสไตล์เจแปน ลิ้งค์กับส่วนผสมหลักมาจากดอกลิลลี่ที่ปลูกด้วยวิธีออร์แกนิคในฮอกไกโกที่มีคุณสมบัติลดผื่นแดงผื่นแพ้ ชื่อแบรนด์เลยดูคิ้วท์ๆ น่ารักไปทันที

 

สูตรธรรมชาติแท้ไม่ใช่ง่ายๆ

มาตรฐานของพี่ปุ๋มที่ผ่านบริษัทระดับโลกมา ถ้าจะให้โปรดักท์ตัวไหนผ่านก็ต้องลองแล้วลองอีก  “ทางคนที่ผลิตส่วนใหญ่จะบอกเลยว่า natural 100% ทำยากมาก เพราะต้องทำสูตรให้นิ่งและคงที่ เพราะเขาก็มีสต็อกวัตถุดิบของเขาอยู่แล้ว เขาไม่สามารถซื้อวัตถุดิบมาผลิตให้เฉพาะเราได้ เราคุยกันจนมาเจอตรงกลางว่าขอเป็นธรรมชาติและสำหรับเด็ก เราก็บอกว่าไม่เอาสารอะไรบ้าง สารที่พี่จะเอา เขาก็ยอมซื้อมาเป็นสต็อก ด้วยความที่ทำงานตรงนี้มาก็จะรู้แหล่งซื้อที่ดี รู้ว่าสารอะไรดีบ้าง”

 

พี่พิงค์บอกว่า “ตั้งใจกับแบรนด์นี้เหมือนดูแลลูกเลย เราเองก็ต้องการเวลามากขึ้น นี่เป็นความฝันของเรา เลยลาออกจากงานแล้วใช้เงินเก็บที่มี ตอนนั้นเอาเงินมาลงทุนและก็ต้องแบ่งเป็นเงินใช้ชีวิตประจำวันด้วย โชคดีที่เราไม่ได้ใช้เงินเปลืองเลยมีเงินเก็บอยู่บ้าง เป็นก้าวใหญ่ในชีวิต เพราะรายได้ประจำหายแล้วยังต้องเอาเงินมาลงทุนอีก เครียดมาก แต่ก็รู้สึกดีที่มีคนชอบผลิตภัณฑ์ของเรา ฟีดแบ็กที่กลับมาก็จะบอกว่าเนื้อดีนะ อย่างลูกพี่ปุ๋มที่แพ้ง่าย คันที่ศีรษะ มีผื่นขึ้นตามคอและข้อพับ หาหมอก็บอกว่าภูมิแพ้ผิวหนัง ต้องใช้ยาสเตียรอยด์เลยทำให้เกิดมาเป็นเบบี้บาล์ม พี่ปุ๋มคิดสูตรเอง ทาเป็นประจำช่วยเรื่องผื่น ส่วน foam bath อาบน้ำจากเมื่อก่อนลูกเป็นสะเก็ดขาวมีตุ่ม ก็ทดลองจนผิวของลูกพี่ปุ๋มโอเค”

 

น้องฟินช์กับปัญหาผื่นแพ้

 

ดูแลด้วยออร์แกนิคแล้วไม่มีผื่นอีกเลย

 

 

เข้าสู่การขายอย่างจริงจัง

พี่ปุ๋มกับพี่พิงค์บอกว่าไม่ได้ทุ่มเงินลงไปทีเดียว เพราะก็ยังต้องเลี้ยงดูครอบครัว ทุกอย่างเลยค่อยเป็นค่อยไป พร้อมกับการขายที่ลุยเองกันสองคน “เราเริ่มจากออนไลน์ก่อน แล้วก็ไปออกงาน Baby Best Buy ที่แม่และเด็กมาเจอกัน ฟีดแบ็กที่ลูกค้ามาทดลองก็ดีมาก ตอนนี้พิงค์มีลูกอายุ 10 เดือนก็ยังใช้แบบมั่นใจ เพราะน้ำมันนวดของเราก็เป็น Food Grade ลูกทาแล้วก็ยังเอามือเข้าปากได้ ที่ขายดีที่สุดก็เป็น Baby Balm ตัวนี้ใช้ไขมันจากพืช มีเชียบัตเตอร์ แมงโก้บัตเตอร์ และออยล์อื่นๆ เข้มข้นมาก แก้ผิวผื่นแพ้ได้ดี ทาเป็นประจำผื่นก็ไม่กลับมา พวกผื่นผ้าอ้อม ยุงกัดก็ใช้ได้ อ่อนโยนแบบที่ทาตรงรอบดวงตาก็ได้นะคะ หรืออย่างกันยุงเป็นตัวใหม่ที่ขายดีมาก เราก็ส่งไปทดสอบที่กรมวิทยาศาสตร์ ตัวน้ำมันนวดที่คิดขึ้นมาก็ตอบโจทย์เราเองที่อยากเพิ่มความสัมพันธ์แม่ลูก ได้ใกล้ชิดกับลูกด้วยการสัมผัส ช่วยไล่ลมให้น้องไม่ปวดท้องด้วย ตัวออยล์ซึมเร็ว อาจจะหยดในอ่างน้ำตอนอาบน้ำช่วยให้ผิวไม่แห้ง เรามีลูกค้าจากอลาสก้า ลองใช้เทสเตอร์แล้วซื้อกลับไปตุนไว้เลย”

 

 

เบบี้บาล์ม ขายดีเป็น Best Seller

 

 

แต่คุณแม่ๆ ต้องเข้าใจก่อนว่าสารธรรมชาติไม่ได้แปลว่าจะไม่แพ้ บางคนลูกแพ้น้ำมันมะกอกก็มี คุณแม่ต้องรู้ให้ได้ว่าลูกของเราแพ้อะไร วิธีดูง่ายๆ ก็คือถ้าลองใช้ผลิตภัณฑ์ตัวไหนแล้วแพ้ จะใช้เวลาไม่นาน บางคนแพ้เลยทันทีหรือซักชั่วโมง ไม่ใช่เป็นสัปดาห์ เพราะถ้าใช้นานเป็นอาทิตย์แล้วขึ้นผื่น อาจจะเป็นสาเหตุอื่น เช่น ที่นอนมีไรฝุ่น ผื่นแพ้อาหารก็เกิดขึ้นได้ พี่ปุ๋มแนะนำว่าลองทาที่ท้องแขนดูก่อน ถ้าทาตรงจุดนี้ได้ก็ใช้ได้เลย

 

งานหลักที่มีความสุขที่สุดคือการเป็นคุณแม่ของลูก

พี่ปุ๋มและพี่พิงค์บอกว่าตอนนี้พยายามหาช่องทางใหม่ๆ เช่น ไปวางหน้าร้านขาย ทำการตลาดเพิ่มขึ้นนิดหน่อย เพราะงานหลักของเธอทั้งสองคนก็ต้องเลี้ยงลูก มีเวลาให้ลูกจริงๆ นั่นคือจุดประสงค์หลัก และเมื่อผลิตภัณฑ์ที่ตั้งใจทำเป็นรูปเป็นร่างก็ยังคงพัฒนาต่อไป พี่พิงค์เองบอกว่าพอลูกหลับปุ๊บ เปิดคอมพ์มาทำงาน คุยโทรศัพท์ทันที ส่วนพี่ปุ๋มไปส่งลูกแล้วรอรับตอนบ่าย 3 ก็ใช้เวลาอันน้อยนิดของตัวเองทำงานไปด้วย ระหว่างที่คุยพี่ปุ๋มก็บอกว่าเตรียมตัวไปรับลูกกลับบ้านอีกแล้ว

 

เอาใจช่วยคุณแม่ปุ๋มและคุณแม่พิงค์กับการสร้างแบรนด์ดูแลผิวให้ลูกน้อยของคุณแม่รู้สึกปลอดภัยกันต่อไป พวกเธอบอกว่าไม่ได้ตั้งเป้ายอดขายเป็นสิบล้านเลย แค่อยากให้คนรู้จัก “ลิโทรุ” มากขึ้น ขายได้มากขึ้น พวกเธอก็ภูมิใจแล้ว คุณแม่ท่านไหนสนใจสั่งซื้อผลิตภัณฑ์ ลิโทรุ ก็ติดตามต่อได้ที่เพจ Litoru เลยค่ะ

 

Follow us facebook.com/Momscream

Copyright www.momscream.com

10 January, 2018
Mom's Life