Family

วิธีง่ายๆ รับมือกับลูกดื้อและเซนซิทีฟมาก นักจิตวิทยาเด็กระดับโลกบอกมา



คุณกำลังมีลูกที่บอกอะไรไม่เคยทำ และเหมือนจะท้าทายแม่ตลอดเวลาอยู่หรือเปล่า ถ้าใช่อ่านรัวๆ เลย Momscream ไปค้นหามา วิธีนี้นักจิตวิทยาเด็กชื่อดัง มอรีน ฮีลีย์ ผู้เขียนหนังสือเรื่อง Growing Happy Kids บอกเอาไว้ ลองทำตามคำแนะนำเธอดูเลยนะ

คนที่เป็นแม่เท่านั้นจะเข้าใจ ว่าความเครียดมากๆ ของพวกเราอย่างหนึ่งก็คือ ลูกช่างดื้อ ดื้ออย่างเดียวไม่พอ ยังเซนซิทีฟด้วยแน่ะ พูดอะไรทำร้ายความรู้สึกนิดเดียว ร้องไห้หนักมากเลย เพื่อนคนหนึ่งเล่าว่า “ลูกฉันนะเธอ มีแต่คำว่า “ไม่” วันหนึ่งตื่นมา ก็ร้องไห้ตลอดบอกว่า ไม่ไปโรงเรียน พออาบน้ำเสร็จ ก็บอกว่าไม่ใส่ชุดนี้ พอจะให้กินข้าว ก็ไม่กิน คือไม่มันทุกอย่างเลย”

มอรีนบอกว่า เธออะเมซิ่งกับเด็กๆ ยุคนี้มาก เพราะพวกเขาแลดูจะเป็นเด็กที่เซนซีทีฟสูงกัน และดื้อระดับชาติกัน เด็กเหล่านี้จะมีความคิดเป็นของตัวเองที่แข็งแรงมาก มีความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้า มอรีนบอกว่าเรื่องพวกนี้ความจริงไม่ได้ติดตัวมากับเขาตั้งแต่เกิดหรอกนะ เขามาพัฒนาจากตัวเขาเองนี่ล่ะ แล้วไงดี? เราจะรับมือพวกเขายังไงดีล่ะ?

 

เด็กดื้อแบบไม่ขอเปลี่ยนความคิด

ความดื้อของเด็กแบบนี้เขาเรียกกันว่า “เป็นความดื้อที่ต้องการโชว์ว่า เขาจะไม่มีวันเปลี่ยนความคิดตัวเอง” มอรีนบอกว่าเด็กแบบนี้นอกจากจะเป็นเด็กที่เซนซิทีฟมากๆ แล้ว เขาจะมาพร้อมพลังแห่งความท้าทายอย่างแรงกล้า พวกเขาจะเชื่อความฉลาดของตัวเอง เขามั่นใจว่าเขาคิดถูก เขามีขุมแนวคิดอะไรบางอย่าง ที่เป็นตัวเองมากๆ และเขาจะไม่เชื่อความคิดใครทั้งนั้น เด็กแบบนี้เขาสามารถเปลี่ยนความคิดได้ด้วยตัวเอง เขาโมติเวทตัวเขาเองได้ถ้าเขาอยากทำอะไรขึ้นมาด้วย เขาจะทำมันแบบไม่ต้องมีใครบอกเลย

มีลูกเพื่อนคนหนึ่ง เธอเล่าให้ฟังว่า ลูกของเธอดูยูทูบปั้นดินน้ำมันกอไก่ ถึงฮอนกฮูกอย่างเอาเป็นเอาตาย และเขาจำได้หมดทุกตัว และเขาก็เริ่มปั้นดินน้ำมันเป็นตัวอักษรได้หมดตั้งแต่สามขวบ หลังจากนั้นเขาก็เรียนรู้ที่จะเขียนตัวอักษรเหล่านั้นเอง จนพอ 4 ขวบเขาเขียนหนังสือได้หมด และอ่านได้ด้วย เพื่อนบอกว่า เธอไม่เคยสอนลูกเลยจริงๆ เขาฝึกของเขาเองคนเดียว และแน่นอนสิ่งที่พ่วงมาด้วยคือ ลูกเธอดื้อมาก และเซนซิทีฟมากๆๆๆๆ

แล้วเราจะเริ่มทำยังไงกับพวกเขาล่ะ มอรีนบอกว่า “ฉันมีวิธีง่ายมากๆ 3 วิธีเท่านั้น ให้แม่ๆ ลองไปเวิร์คดูกันนะ” เริ่มเลยนะ

1 เวิร์คไปกับลูกด้วยกัน

พ่อแม่ส่วนใหญ่จะชินกับการบอกลูกว่าต้องทำยังไง ต้องทำอะไร มากกว่าการเข้าไปนั่งข้างๆ เขา แล้วทำไปพร้อมๆ กับเขา ปัญหามันอยู่ตรงนี้แหละ เพราะเด็กที่เซนซิทีฟมากๆ เขาได้ยินอะไรผิดหูนิดปั๊บ เขาจะต่อต้านทันที แค่ประโยคว่า “มาอาบน้ำเร็วลูก” เขาจะไม่มีวันไปเลย เขาจะรู้สึกว่า ทำไมแม่ต้องบอกให้เขาทำด้วย เขาคิดเองได้น่ะ ไม่ใช่แค่คำพูดนะ เขายังเซนซิทีฟกับสิ่งแวดล้อม คนที่เขาเจอ ทุกสิ่งรอบตัวมีผลกับเขาได้หมดเลย พวกเขาเลยเลือกที่จะเป็นตัวของตัวเอง เขาจะไม่ทำ ไม่พูดแบบที่เราอยากให้เขาพูด หรือหงุดหงิดใส่เลยด้วย

สิ่งที่แม่ๆ ควรทำก็คือ คุณต้องเปลี่ยนวิธีการดีลกับพวกเขา คือหันมาร่วมมือกับเขาเลย เข้าไปอยู่ในโลกความคิดเขา หาให้เจอว่าทำไมเขาไม่ทำ แล้วถามเขาว่าคิดยังไง แล้วจะทำอะไร แล้วค่อยๆ ไกด์เขา ให้ทางเลือกเขา เหมือนเป็นโค้ชแนะนำให้เขามากกว่าไปสั่งเขาให้ทำ เขาจะมองว่า แม่ดูมีเหตุผลนะ แม่ดูอยู่ทีมเดียวกับเขา เขาก็จะผ่อนคลาย แล้วบอกเหตุผลของตัวเองออกมา หนึ่งประโยคสำหรับพวกเขาเลยคือ “ใจเย็นกับเขาให้ตลอด” และ “สังเกตว่าเขาชอบคุยเรื่องอะไร ก็ชวนเขาคุยเรื่องนั้นบ่อยๆ” แล้วเขาจะไว้ใจคุณมากขึ้นเอง

2 มาลูก! เรามาเจรจากันดีๆ

วิธีนี้ต้องสวมวิญญาณเป็นเหมือนเซลล์หน่อยนะ หันหน้ามาคุยกันกับเขาแนวเจรจาต่อรองกันนี่ล่ะ ประโยคเวิร์คๆ ก็คือ “แม่รู้ว่าลูกมีความคิดของลูกนะ เอางี้ งั้นเรามาตกลงกัน” แล้วให้ข้อเสนอเขาต่อเลย เหมือนๆ วิธีแรกนี่ล่ะ แต่จะมีข้อต่อรองกับเขาเพิ่มเข้ามาด้วย เขาต้องการอะไรมาท้าทายสมองเขา เพื่อให้รู้สึกว่าทัดเทียมกันหน่อย อีกประโยคเปิดกับเขาก็คือ “แม่ช่วยอะไรได้บ้างมั้ย มีอะไรนำเสนอแม่บ้าง?” ล้วงสิ่งที่เขาต้องการออกมา แล้วเอามาหยั่งว่าแบบไหนถึงจะโอเคสำหรับเขา ไม่ใช่การสปอยล์นะ เพราะเราจะไม่ยื่นอะไรให้เขาง่ายเกินไป แต่คือการเจรจากัน สิ่งที่เขาอยากได้ กับสิ่งที่แม่อยากได้ ต้องวิน-วินเหมือนกัน

3 อินสไปร์เขาให้ได้เลย

เด็กที่เซนซิทีฟมากๆ คำพูด และการกระทำของแม่จะมีอิทธิพลกับเขามาก อย่างถ้าเขาชอบเล่นบาสเกตบอล แต่ไม่อยากทำการบ้านเลข ลองเล่าเรื่องแนวนักบาสเกตบอลที่เขาชอบให้เขาฟัง ประมาณว่า “ลูกรู้มั้ยว่าไมเคิล จอร์แดนน่ะ เป็นนักบาสที่เก่งที่สุดนะ แล้วลูกรู้มั้ยว่าเขาถูกให้ออกจากโรงเรียนแน่ะ แล้วเขากลับบ้านไปร้องไห้เลย” สอนเขาต่อว่า คนที่เก่งมากๆ ก็อาจมีพังๆ ไปบ้าง เพราะฉะนั้นเราอาจจะไม่เก่งแบบไมเคิล จอร์แดน เราก็ต้องเตรียมตัวเรื่องอื่นไว้ด้วย คือหาอะไรมาอินสไปร์เขา ให้เขาฮึด และว้าว!!! แม่ๆ ต้องหาเรื่องเล่าเยอะๆ มาเล่าให้เขาฟังนั่นเอง

ลองจับทางว่าลูกชอบเรื่องอะไร แล้วไปเซิร์จเพิ่ม เอามาปรับให้เข้ากับเรื่องของลูก คือบางทีเด็กๆ เขาแค่เห็นใครที่เคยล้ม แล้วลุกขึ้นมาได้ หรือใครที่พยายามอะไรมากๆ แล้วเขาเริ่มจากศูนย์ จนเขาทำได้ ก็อินสไปร์เข้าไปอยู่ในใจเขาได้เหมือนกัน ต้องจำไว้เลยว่า เด็กที่ดื้อ และเซนซิทีฟมาก เขาจะฟื้นขึ้นมาด้วยตัวเขาเองเท่านั้น

SOFIA VERGARA, AUBREY ANDERSON-EMMONS

แต่ที่เขาดื้อ และเซนซิทีฟมากแบบนี้ เพราะว่าเขาฉลาดมากนั่นเอง

มอรีนบอกว่า เด็กๆ ที่ดื้อและเซนซีทีฟที่เธอเจอๆ มา ส่วนใหญ่จะเป็นเด็กมีความสามารถมาก มีศักยภาพ ฉลาด มีพรสวรรค์เลยล่ะ แน่นอนก็จะคู่มากับความดื้อมากด้วย พวกเขามักทำอะไรเยี่ยมๆ สำเร็จ มอรีนใช้คำว่า พวกเขาไม่ใช่แค่ดีนะ แต่พวกเขาคือเด็กที่ เยี่ยมเลยล่ะ

 

หน้าที่ของพวกเราก็คือ จับจุดเขาให้เจอ แล้วท้าทายเขา ใส่คุณธรรมคู่เข้าไปเยอะๆ กับวินัย และอย่าลืมความอิสระ ความสดใสสมวัยของเขา บ้าๆ บอๆ กับเขาบ้าง เขาจะรู้สึกว่าแม่อยู่พวกเดียวกับเขาจริงๆ และแม่สนุกดีจัง แล้วมีอะไร เขาจะหันมาปรึกษาเราล่ะทีนี้ ลองดูกันนะ


https://facebook.com/Momscream

www.momscream.com

8 June, 2017
Family