ไม่น่าเชื่อก็ต้องเชื่อ ทันทีที่เราแต่งงาน มีลูก จากที่ปฏิญาณตนไว้ว่า จะไม่เหล่ชายใด แต่แล้ว….. อีเพื่อนที่เราเคยกรี๊ดมาเกือบๆ ยี่สิบปี ดั๊นทักไลน์มา เฮ้ออออ หวั่นไหวสุดๆ ทำไงดีนี่
อย่างเพิ่งตกใจไปค่ะ ว่าฉันเป็นผู้หญิงที่แย่หรือเปล่า ฉันคุยกับผู้ชายอื่น บอกเลยว่าสาวแต่งงานมีลูกนี่ ร้อยทั้งร้อยจะหวั่นไหวกับอะไรที่ไม่คิดว่าจะหวั่นมาก ไม่ว่าจะใจแข็ง เรียบร้อย มั่นคง ซื่อตรงขนาดไหน เชื่อเถอะค่ะว่า เพียงมีชายหนุ่มไลน์มาหา จะกระตุกมาก บางคนเตลิดเลยดีกว่า แต่ไม่ว่าผู้ชายคนนั้นจะเป็นใคร คนที่น่ากลัวที่สุดก็คือ คนที่เป็นเพื่อนเรานี่ล่ะ ทำไมน่ะหรือ จะบอกว่าก็เพราะ…
เพื่อนคุยกันได้ ไม่ผิดนี่นา
เราจะรู้สึกว่าอีนีเพื่อน คุยด้ายยยยย ส่งรูป ส่งติ๊กเกอร์ด้ายยยยย เหมือนอัพเดทชีวิตกัน และยังไปเจอกันได้อีก บอกสามีตรงๆ ก็ได้ ใครมาเจอก็ไม่เป็นไร ผู้หญิงแต่งงานมีลูกแล้ว คนจะยิ่งไม่สงสัยอะไร ก็นึกว่ามาเจอเพื่อนอัพเดทกันธรรมดาๆ ด้วยสเตตัสของความเป็นเพื่อนน่ะ จะช่วงอำพรางความรู้สึกภายในได้ดีมากๆ เลย ทำไม ก็เพื่อนกัน ก็คุยกันปกติ ไม่มีอะไรซักหน่อย ทั้งๆ ที่ความจริงสุดจะมี
ความสนิททำให้เข้าใจกัน
คำพูดอย่าง “อืม เราเข้าใจเธอ” หรือ “ขับรถดีๆ นะเว้ย” ฟังๆ ดูก็ห้าวๆ ตามประสาเพื่อน แต่เอ! พอมาคิดอีกที เฮ้ย! สามีเรายังไม่เคยพูดแบบนี้เลย แทบจะไม่มีใครบอกให้เราขับรถดีๆ ดูแลตัวเอง สู้ๆ นะ มีอะไรไม่สบายใจโทร.มา เออ! มีแต่อีเพื่อนหมอนี่บอกเราอยู่คนเดียวนี่นา คิดไปคิดมา เกิดความหวั่นไหวสะท้านทันที
กู้ดมอร์นิ่ง และกู้ดไนท์
หนึ่งในองค์ประกอบแห่งความหวั่นไหวคือ ความสม่ำเสมอ อะไรก็ตามที่สม่ำเสมอติดกันสัก 14 วัน สามารถล้างผลาญให้ใจคนกลายเป็นไฟได้แล้ว เพื่อนที่ชอบส่งติ๊กเกอร์ กู้ด มอร์นิ่ง กับกู้ด ไนท์มาทุกวันน่ะ ถึงจะอัพเดทกันตามประสาเพื่อนก็เถอะ แต่ถามหน่อยสิ เพื่อนเขาทำอย่างนี้กันจริงๆ หรือ? สิ่งนี้ล่ะที่ผู้หญิงทุกคนตายๆๆๆๆ กันมาแล้ว คือพอเป็นเพื่อนมันไม่น่าเกลียดไง ที่จะทำอะไรอย่างนี้ แต่นานเข้านี่ก็ขาดกันไม่ได้เหมือนกัน
นัดพาลูกไปเที่ยวกัน
โอยยย เข้าขั้นดองกันเข้าไปอีก ยิ่งเพื่อนที่มีลูกอายุไล่เลี่ยกัน พาไปเล่นที่เดียวกัน แล้วอย่านะ! อย่ามาทำเล่นสนุกกับลูกเรา ช่วยเหลืออะไรลูกเรา ช่วงแบ่งเบาเราให้เหนื่อยน้อยลงล่ะ เราจะเอาสิ่งนี้ไปเปรียบเทียบกับพ่อของลูกทันที และมันน่ากลัวมาก ถ้าบังเอิญอีเพื่อนนี่ดันอินกับลูกเรามากกว่าพ่อแท้ๆ ของมันอีก นึกภาพดูนะ เราเกลียดการต้องปีนขึ้นไปเล่นสไลเดอร์กับลูกมาก และพ่อของลูกเราก็ไม่เคยจะพาลูกไป แต่เพื่อนเราคนนี้กลับดูเอนจอย วิ่งพาลูกเราขึ้นสิบรอบรวด แถมมีช้อตเอามือลูบหัวลูกเราแล้วบอก “เก่งนะเนี่ย เก่งเหมือนแม่เลย” ชายตามาสบตาเราอีก ช่วยด้วยยยยย
ให้คำปรึกษาได้ทุกเรื่อง
ตั้งแต่เรื่องลูกอึไม่ออก ยันหัวหน้าที่ทำงาน มีอะไรสามารถโทร.ปรึกษาได้ตลอด และเพื่อนคนนี้ก็ดูจะอินกับการฟังเรื่องของเราด้วย ไม่เหมือนสามีที่บ้าน ที่เอาแต่นอนแหมะดูไอแพด เราจะอ้าปากเล่าอะไรก็ไม่อินสไปร์ แล้วพอได้ระบายทุกสิ่งกับเพื่อนคนนี้ มันโล่งแฮะ และมันติดใจแฮะขึ้นมาทันที เขาช่างเข้าใจหัวใจเรา
กดไลค์ตลอด มีมาเม้นท์ด้วย
เวลาอัพเฟซแล้วมีเม้นท์ประมาณว่า “เธอสวยเหมือนเดิมเลยนะ” ขอร้องเถอะค่ะคู้ณณณณ หวั่นไหวหนักเลยค่ะ บอกแล้วว่าอย่าได้ชม หรือถ้ามีไลน์มาแบบ ทำอะไรอยู่น่ะ ขอรูปบ้างสิ ลูกเธอน่ารักจัง เราจองนะ! เฮ้ยๆๆๆ
และอีกมากมายแห่งความช่วยเหลือพึ่งพากันที่เพื่อนคนนี้มีให้มา ทำให้หัวใจเหนื่อยล้าของแม่มีลูก มีอันพังครืนได้ ทำยังไงดีล่ะ? แนะนำว่าอินบ้าง ห้ามใจบ้างปนๆ กันค่ะ เข้าใจว่าภาระแม่ๆ มันหนักจนอยากมีใครสักคนเข้าใจเรา พูดจาอะไรให้เราหายเหนื่อย แต่ถ้าถลำไปเราเองนั่นแหละที่จะรู้สึกผิดกับทุกคน ยิ่งไปกันใหญ่ ก็เลยอยากให้แม่ๆ ลองอินแต่พองาม คุยไลน์กันได้ แต่อย่านาน 5 นาที สิบนาทีพอ เจอกันได้ แต่อย่าบ่อย และคิดเสมอว่า เค้าเองก็มีใครอยู่ เราเองก็มีใคร ยังไงอย่าให้ต้องเจ็บปวดกันเลย แต่เราก็ควรรักษามิตรภาพนี้เองไว้ เพราะมันมาช่วยเป็นตัวขับเคลื่อนให้เรามีแรงสู้ต่อ เรื่องดีๆ ในใจบางที มันอาจมาในรูปแบบที่เราไม่คาดคิด เพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อที่ดีต่อใจ อาจกลายเป็นความทรงจำหนึ่งตอนแก่ๆ ก็แค่นั่งยิ้ม
แล้วมันก็ผ่านไปอีกเรื่องในชีวิตก็ได้…. เอาใจช่วยนะคะ